หัวซ้าย
นกน้อยทำรังแต่พอตัว   ไม่อยากจนจงอย่าเป็นหนี้  ( อย่าคิดมีบัตรเครดิต ถ้ายังไม่พร้อม  จะเจอดอกเบี้ยมหาโหด )
กลับหน้าแรก   ขอคำปรึกษาเป็นการส่วนตัว โดยตรงกับนักกฏหมาย
เมนต์หลัก
 
หัวซ้าย

Language
สมาชิก VIP Login ที่นี่ค่ะ
User login
user
pwd

คุณเข้ามา ครั้ง(25/02/55)
ทีวีปลดทุกข์จากหนี้
วิทยุปลดหนี้

maps.google.com
พันธมิตร & ผู้สนับสนุน
หางาน ตำแหน่งงาน Jobs Online  

อุปกรณ์นักสืบ
(ขาย-ให้เช่า)

เจ้ากรรมนายเวร
เจ้ากรรมนายเวร
เวรกรรมแก้ไม่ได้
แต่หยุดเวรกรรมได้

 
Welcome To  S Detective & lawyer Online
เปิดเผยความจริง  เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
     
 

ตัวอย่าง ความสามารถในการติดตามของนักสืบมืออาชีพ ท่านเชื่อหรือยังว่าพยาน
หลักฐานต้องมาก่อนการฟ้องคดี ภาพถ่าย VDO ใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลดีกว่าคำพูด
ตามหลักกฎหมายว่าด้วยลักษณะพยาน

  ยังมีตัวอย่าง  พวกสำนักกฎหมายที่ชอบทวงหนี้แบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายอีก บันทึก
สัญาณเสียง
ได้จากโทรศัพท์มือถือ(ลองฟังดู) >>>

    ตัวอย่าง  พยานหลักฐานในคดีปลอมเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน  ( เจ้าหนี้หน้าโง่ คิดว่าตัว
เองเก่งมีทนายดี อยู่เหนือกฎหมาย) ( ลองฟังดู ) >>>

   ตัวอย่าง   พยานหลักฐานการจ่ายเงินของนักการเมืองที่คิดว่าเงินจะซื้ออะไรได้ทุกอย่าง
 ในที่สุดเงินที่ตัวเองใช้ไปก็กลับมาลงโทษตัว    เหตุการณ์นี้เป็นการยอมรับของผู้ที่รับเงิน
โดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่องว่าผู้เอาเงินมาให้และสัญญาว่าจะพาไปเที่ยว แต่กลับพาไปประท้วงการ
เลือกตั้ง ( ลองฟังดู ) >>>

  ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น   ของจริงมีความยาวมากกว่านี้เพื่อให้หลักฐานสมบูรณ์
และต้องมีองค์ประกอบอื่นทางกฎหมายอีกจึงจะสมบูรณ์เป็นพยานหลักฐานครบถ้วน

    แล้วท่านยังจะเชื่ออยู่อีกหรือว่า สำนักกฎหมายที่บอกแต่เพียงว่า ชนะคดีแน่นอน ๑๐๐ %
โดยไม่แสดงให้ท่านเห็นถึงพยานหลักฐานใดๆบ้าง ที่จะทำให้ท่านสมหวังชนะตามที่ท่านต้อง
การ  ภาพVDO และเสียงแบบนี้ที่ทำให้ทุกคดีทุกปัญหาประสบความสำเร็จมาแล้ว และยังทำให้

  • เจ้าหนี้  นักการเมือง ข้าราชการ  มาเพีย  ผู้มีอิทธิพล  เข้าคุกมานักต่อนักแล้ว
  • สามีที่มีภริยาน้อย  ภริยาที่ชอบมีชู้    ถูกฟ้องหย่า แบ่งสมบัติ แบ่งลูกได้
  • ครอบครัวที่แบ่งมรดกไม่ลงตัว และทำพินัยกรรมปลอม  ก็แบ่งกันได้ลงตัว

   สำนักงานกฎหมายที่ทำงานเป็นทีม มีทั้งนักสืบ นักบัญชี นักกฎหมาย ทนายความ หมอ ฯลฯ
จึงจะทำคดีให้ประสบความสำเร็จได้ ( จงเชื่อในสิ่งที่เห็นว่ามีพยานหลักฐานแน่นอน  อย่าเชื่อ
ว่าทนายความว่าคดีจะชนะแน่อน )    " พยานหลักฐานมาก่อน   สำนักงานที่สวยหรูและคำพูด
หวานๆมาที่หลัง "

Spy 1
เครื่องสืบติดตามพฤติกรรมบุคคล

ไม่ต้องจ้างนักสืบก็รู้ว่าคนรักนอกใจหรือไม่จากมือถือของท่าน   ท่านคิดว่าคนรัก
  อาจจะนอกใจแอบมีคนอื่น ท่านต้องจ้างนักสืบให้ติดตามจึงจะรู้ว่าคนรับนอกใจจริง
  หรือไม่  ซึ่งท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายวันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท
สิบวันก็หนึ่งแสนบาท

     ท่านจะเสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสนทำไม ในเมื่อท่านเองก็สามารถรู้ความเคลื่อนไหว
  คนรักได้ตลอดเวลาแม้ท่านนั่งอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าคนรักท่านจะเดินทางไปไปต่างจังหวัด
  หรืออยู่บ้านไหน หรืออาบอบนวด หรือกำลังทำงานอยู่ ท่านก็สามารถรู้ได้
>>>

ความจริงที่ควรรู้

  หลายคนคิดว่า ทนายความสามารถฟ้องคดีในฐานโจทก์ หรือต่อสู้คดีในฐานะจำเลยมีความ
สำคัญมากกว่าการสืบคดี เพราะทนายความมีตั๋วว่าความ และรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ชนะคดีได้
ขอให้ท่านเลิกความคิดนี้ได้แล้ว  ถ้ารู้ความจริงในสิ่งที่ท่านไม่เคยรู้มาก่อน

   มีหลายคนถามว่าทำอย่างไรจะชนะคดีได้   ผมจะพูดกับทุกคนว่า การชนะหรือแพ้คดีต้อง
ขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐานเท่านั้น ส่วนทนายความนั้นเป็นผู้ที่นำเสนอพยานหลักฐานต่อศาลเพื่อ
ให้ศาลพิารณาและ มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้น  ดังนั้นถ้าคดีใดฝ่ายไหนเป็นผู้อ้างว่าตัวเอง
ทำถูกอีกฝ่ายเป็นผู้ทำผิด ฝ่ายนั้นต้องมีพยานหลักฐานตามกฎหมายมาสนับสนุนคำพูดของตัว
เองที่ทำเป็นคำฟ้อง หรือคำให้การเอาไว้ หากมีพยานหลักฐานแต่พยานหลักฐานนั้นไม่มีนำหนัก
เพรียงพอศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้ชนะคดีได้

   และการชนะคดีมีหลายรูปแบบเช่น
 ๑ . ศาลพิพากษาให้แพ้คดี และมีโทษจำคุก แต่โทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ และสั่งให้คุม
      ประพฤติ
 ๒ . ศาลพิพากษาให้ฝ่ายเจ้าหนี้ชนะโดยให้ฝ่ายลูกหนี้ชำระหนี้ ตามมูลหนี้ที่เกิดขึ้นจริง โดย
      ไม่ให้ดอกเบี้ย  เบี้ยปรับ  ดอกเบี้ยทบต้น  ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน  ค่าติดตามหนี้
      กับฝ่ายเจ้าหนี้ตามที่ร้องขอมาในท้ายคำฟ้อง
 ๓ . ศาลพิพากษาว่าลำเลยจ่ายเช็คโดยไม่มีเงินจริงมีความตาม พ.ร.บ.การใช้เช็ค  แต่โจทก์
       ยินยอมให้จำเลยผ่อนใช้หนี้โดยทำสัญญารับสภาพหนี้ ถือว่าโจทก์สละที่จะดำเนินการกับ
       เช็คตามมูลหนี้นั้น จึงพิพากษายกฟ้อง
 ๔ . ศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง เหตุเพราะพยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจนำสืบถึงพฤติกรรมกระทำ
       ของจำเลยให้สมได้
 ๕ . คดีอื่นๆ อีกมาก

    ทั้งหมดคือการแพ้แต่ชนะอีกฝ่าย  หลายท่านคงจะ งงๆ แต่นักกฎหมายหรือทนายความ
เข้าใจในเรื่องนี้ดี

เหตุที่ชนะคดี หรือศาลให้แพ้คดี แต่ถือว่าคดีนั้นชนะ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการมีพยานหลักฐาน
เพรียงพอที่สนับสนุนในศาลเท่านั้น   ดังนั้นหากใครยังหลงเชื่องมงายอยู่ว่า ทนายความเก่งๆ
ต้องว่าความให้ชนะคดีแน่นอน ลองไปฟังตัวเอาเสียงนี้ดูแล้วจะรู้ว่า เชื่อทนายมากอาจติดคุก
ได้ถ้า ไม่ดูตาม้าตาเรื่อง >>>>

เพราะในคดีนี้ ฝ่ายนายทุนเอาโฉนดที่ดินออกให้เช่า และเอาสัญญากู้เงินมาให้ลูกหนี้ลงชื่อ
ไว้ยังไม่ได้กรอกตัวเลยกันเลย ต่อมาผู้เช่าโฉนดไปไม่สามารถเอาโฉนดที่ดินมาคืนได้และติด
หนี้ค่าเช่าอยู่ ๗,๐๐๐ นายทุนจึงไปปรึกษาทนายๆ บอกว่าฟ้องได้โดยเอาสัญญามากรอกตัวเลข
๒๐๐,๐๐๐ และฟ้องคดีแพ่งผู้เช่าไม่รู้เรื่องการฟ้องจึงแพ้คดี ศาลให้ผู้เช่าชดใช้ตามสัญญากู้ที่ฟ้อง

   ต่อมานายทุนมายึดทรัพย์ผู้เช่าโฉนด ผู้เช่าโฉนดมาปรึกษากับผม  และผมแนะว่าจะต้องมี
พยานหลักฐาน สำคัญที่ศาลต้องยอมรับฟัง และได้ร่วมกันวางแผนนจนได้เทปเสียงและหลัก
ฐานสำคัญอีก ๒ ชิ้น และฟ้องคดีอาญาฐานปลอมแปลงเอกสาร ปรากฎว่าวันสืบพยาน ฝ่ายผู้เช่า
ได้ยื่นบัญชีพยาน และส่งสำเนาให้ทนายความอีกฝ่าย เมื่อทนายฝ่ายนายทุนดูพยานเอกสารที่
จะนำสืบ ทนายผู้นั้นจึงขอศาลเจรจากับฝ่ายผู้เช่าโฉนด ที่สุดผมให้ตกลงกันว่าเป็นหนี้กันจริง
เท่าไรก็ใช้เท่านั้น และให้ผ่อนใช้กัน ๕ ปีในต้นเงิน ๗,๐๐๐ บาท   ส่วนที่นายทุนชนะคดีแพ่ง
๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้แถลงต่อศาลในคดีว่าจะไม่ขอบังคับคดีกับฝ่ายผู้เช่าอีกต่อไปที่ผู้เช่าไม่ต้อง
เสียเงิน ๒๐๐,๐๐๐ และถูกยึดบ้านเพราะ เชื่อในสิ่งที่เรียกว่า " พยานหลักฐานที่ดีเท่านั้นที่จะมี
อำนาจต่อลองกับนายทุน หรือทนายของนายทุนได้ "   ( ที่ธนาคารฟ้องร้องพวกท่าน กันอยู่ทุก
วันนี้ ก็เข้าลักษณะเดียวกันคือท่านไปลงชื่อเอาไว้ แต่ยังไม่ได้กรอกข้อความอะไรเลย )

  ถ้าใครเห็นว่านักสืบไม่มีความหมาย ทนายความมีความสำคัญยิ่งกว่า ขอให้ท่านดูในราย
ละเอียดต่อไปนี้ก่อน  และคิดใหม่ก็ไม่สายอะไร    แล้วท่านจะรู้ใครเป็น " ฮีโร่ตัวจริง "

นักสืบ

   การสืบสวนทางคดีมีความสำคัญในการดำเนินการทางคดี ไม่ว่าจะฟ้อง หรือถูกฟ้องทั้งคดีอาญา
และคดีบ้างคดีทำท่าจะแพ้ แต่ในทางสืบสวนสามารถหาพยานหลักฐานสำคัญมายืนยันได้ก็ทำ
ให้ชนะคดีก็มีอยู่มากเช่น( คดีเชอรี่แอน )

   เมื่อท่านได้รับความเสียหายจากบุคคลอื่น   ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ทางกฏหมายเกี่ยวกับคดี
ท่านต้องมีข้อมูลที่สามารถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทนายความ  ศาล
 
 และผู้ที่เกี่ยวข้อง

   ข้อมูลซึ่งทางกฏหมายเรียกว่า " พยานหลักฐาน "  เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทนายความ   ศาล
และผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่าท่านเป็นผู้เสียหาย หรือถูกกระทำให้ได้รับความเสียหายจริงๆ  หรือถูก
กลั่นแกล้ง

   จึงจำเป็นที่ท่านต้องปรึกษาผู้ที่รู้กฎหมายก่อน    สิ่งที่ท่านเสียหายนั้นจะต้องมีพยานหลักฐาน
ใดๆ บ้างจึงจะสามารถแจ้งความ หรือฟ้องรัองหรือต้องสู้กับผู้ที่ทำให้ท่านได้รับความเสียหายได้

   การสืบหาพยานหลักฐาน  จึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ  ทนายความ  
อัยการ   ผู้พิพากษาเพื่อที่จะชี้ หรือแสดงว่าใครกระทำผิด ใครเป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหาย
ที่สมควรถูกลงโทษ   และชดใช้ค่าเสียหาย

    พยานหลักฐานตามที่กฏหมายกำหนดมี
๑. เอกสาร
๒. บุคคล
๓. วัตถุ
๔. ผู้เชียวชาญฯ ผู้ชำนาญการพิเศษ

   แต่พยาน  หลักฐานดังกล่าวไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ เพราะมีข้อจำกัดหลายกรณี    จึงจำเป็นอย่าง
ยิ่งที่จะต้องมี การสืบหาให้ได้หลักฐานนั้น และหลักฐานที่ได้ต้องมีน้ำหนักพอหรือชี้ให้เห็นถึงการ
กระทำความผิดที่ได้เกิดขึ้น หรือแก้ตัวว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา หรือถูกฟ้อง

   ทางคดีอาญา   เมื่อผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว   พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจสอบได้ก็ต้อง
๑. ความผิดได้เกิด
๒. อ้างว่าได้เกิด
๓. เชื่อว่าได้เกิด   ในเขตท้องที่ๆรับผิดชอบ แล้วถึงจะทำการสอบสวนและสืบสวนหาพยาน
หลักฐาน เพื่อจะฟ้องตัวผู้กระทำผิด ( ถ้าตำรวจ รับแจ้งแล้วไม่ทำการสืบหา
  หรือสืบหาได้มาแล้ว
แต่ถูกผู้ต้องหาวิ่งคดีจะทำอย่างไร
  " นี่เป็นปัญหาในระบบราชการ " )

    ทางคดีแพ่ง   ที่ต้องเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเงินหรือทรัพย์สิน หรือสิทธิต่างๆ   ก็ต้องมี
พยานหลักฐาน เช่นเดียวกัน
" จะไปร้องขอให้ตำรวจช่วยหาหลักฐานให้ก็คงจะยาก " เพราะไม่ใช่
หน้าที่ของตำรวจ  ในคดีแพ่งผู้เสียหายต้องดำเนินการเองทั้งหมด ( นี่ละคือปัญหาสำคัญ )

     แต่ในคดีแพ่งบางเรื่อง ผู้เสียหายอาจจะได้หลักฐานบางส่วนมาจากคดีอาญาก็ได้ เรียกว่า
" ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา "
แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง

     การหาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาสำคัญมากสำหรับบุคคลทั่วไปที่ได้รับความเสียหายไม่ว่า
จะเป็นคดีแพ่ง
หรือคดีอาญา ถ้าเป็นคดีอาญาจะไปเร่งตำรวจก็ไม่ได้ " เดี๋ยวท่านตำรวจจะโกรธ "
ถ้าเป็นคดีแพ่งที่เรียกร้อง ค่าเสียหายเมื่อไปปรึกษาทนายความ ๆ จะถามว่ามีหลักฐานอะไรพอที่
จะฟ้องได้ หรือให้ไปหาพยานหลักฐานมาจะได้ร่างคำฟ้องได้ถูก

    ทีสำคัญคือตัวผู้เสียหายต้องรู้ด้วยว่า   พยานหลักฐานใดบ้างที่สามารถใช้ได้ และใช้ไม่ได้
ถ้าผู้เสียหายไม่รู้เลยก็อาจจะถูกหลอก แพ้งคดีได้ ( จากพนักงานสอบสวน  อัยการ  ทนาย )
จะทำให้เสียเงินเสียทองเสียเวลาโดยใช่เหตุ

    สรุป ก่อนดำเนินฟ้องคดีหรือแจ้งความ   ต้องมีพยานหลักฐานให้พร้อม และหลักฐานนั้น
ต้องเชื่อถือได้ด้วย   ถ้าไม่มีหรือมีแต่ไม่เพียงพอ ก็อย่างไปฟ้องร้องคดี มิฉะนั้นจะเสียเงินโดย
เปล่าประโยชน์

นักสืบ
เป็นสิ่งจำเป็นต่อทุกคดีเพื่อให้ได้พยานหลักฐานทางคดี

    นักสืบ ไม่ใช่ว่าใครๆ จะเป็นกันได้ง่ายๆ   ไม่ใช่แค่จะไปแอบถ่ายรูป แอบดักฟังโทรศัพท์
(บ้าน&มือถือ) ก็ใช้ฟ้องร้องหรือใช้แสดงเป็นพยานหลักฐานกันได้แล้ว   จะต้องมีส่วนอื่นๆอีก
ที่จะต้องให้ครบองค์ประกอบความผิดที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการทราบข้อมูล

   ในบางคดีแม้จะฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันได้ ถึงจะถูกตำรวจ
จับตัวไป ศาลอาจยกฟ้องให้ปล่อยตัวไป   แต่ในทางกลับกันแม้ฆ่าคนตาย จะไม่มีใครรู้เห็น
แต่ถ้ามีพยานหลักฐานที่สำคัญ
เพียงชิ้นหรือสองชิ้น ศาลก็ลงโทษประหารชีวิตได้ หรือแม้แต่ใน
เรื่องส่วนตัว เพียงแค่เห็นว่าเข้าไปในโรงแรม ก็สามารถชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุได้
( แต่ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ )

นักสืบจึงมีความสำคัญในทางคดีมากกว่าทนายความผู้ว่าคดี

    นักสืบ ต้องผ่านการเรียนรู้จากโรงเรียนที่สอนในเรี่องนี้โดยตรง ไม่ว่าทั้งในประเทศหรือ
ต่างประเทศผู้ที่เรียนรู้ทางด้านนี้ จึงต้องมีคุณวุฒิรับรอง

   เพราะนักสืบที่จบมาจากโรงเรียนโดยตรงจะมีทักษะ ไหวพริบ ความชำนาญ รู้ในหลายสาขา
วิชาเช่นจิตวิทยา  วิเคราะห์หลักฐาน หรือสถาณะการณ์ได้
 
  ในการสืบแต่ละครั้งผู้เป็นนักสืบจึงต้อง
เสี่ยงภัยมากในหลายด้าน  เสี่ยงทั้งการทำผิดกฎหมาย เสี่ยงทั้งอาจถูกฝ่ายตรงข้างทำร้าย หรืออาจ
ถึงขั้นถูกทำร้ายหรือเสียชีวิตได้ หรืออาจถูกฟ้องฐานละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตามรัฐธรรมนูนปัจจุบัน
    แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดผู้ที่เป็นนักสืบ เมื่อสืบได้พยานหลักฐานแล้ว   ถ้ามีการฟ้องร้องเป็นคดีในศาล
ตัวนักสืบต้องไปเป็นพยานในศาล ซึ่งกฎหมายลักษณะพยานถือว่าเป็นพยานชั้นหนึ่ง
" ประจักพยาน "
ที่รู้เห็นเหตุการณ์ในส่วนที่ได้ดำเนินการ

    นักสืบ ที่แท้จริงจึงมี ๒ ประเภท
๑. นักสืบทางราชการ   จะมีกฎหมายคุมครองการทำงาน สามารถที่จะเอาข้อมูลต่างๆ ได้โดยง่าย
แต่บางกรณี ไม่อาจหาข้อมูลเชิงลึกได้ เพราะราชการไม่ได้มีเบี้ยพิเศษ จึงไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก
เช่น ตำรวจหรือทหาร ฝ่ายสืบสวน นักสืบประเภทนี้เหมาะกับงานราชการ "เช้าชามเย็นชาม "
ทำอย่างไรก็ได้เงินเท่านั้น

๒. นักสืบเอกชน   ในประเทศไทยจะไม่มีกฎหมายเหมือนในอเมริกา   ผู้ทำงานด้านนักสืบจะต้อง
มีทักษะความชำนาญสูงมาก กับทั้งต้องรอบรู้กฎหมายที่ใช้อยู่ประกอบดัวย   การที่จะรู้ว่าใครที่เป็น
นักสืบเอกชนอย่างแท้จริง ต้องดูที่วุฒิการศึกษาด้านสืบสวนเป็นหลัก (อย่าไปดูว่าอยู่กับทนายแล้ว
ต้องเป็นนักสืบที่เก่ง " ทนายไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเสกให้ใครต่อใครเก่งโดยที่ไม่เรียนรู้ก็ได้" )

สำนักงานนักสืบและกฎหมาย
จึงเป็นแหล่งที่จะสืบหาข้อมูลหรือพยานหลักฐานได้ดีที่สุดก่อนฟ้องร้องคดี

   ถ้ามีข้อมูลหรือพยานหลักฐานดีแล้ว    การฟ้องคดีก็มีชัยชนะไปเกือย ๑๐๐ % แล้ว   ต่อไปก็ขึ้น
อยู่กับทนายความเท่านั้นที่จะร่างฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาได้ดีมากน้อยแค่ไหน   นักสืบจึง
มีความสำคัญกว่าทนายความในทางฟ้องคดี ถ้าทนายความ หรือนักกฎหมายท่านใดจบการศึกษา
ด้านสืบสวน ก็สามารถที่จะทำให้คดีประสบความสำเร็จ
" ถือว่าเป็นสุดยอดของนักกฎหมาย "

   ดังนั้นถ้าไปปรึกษาคดีกับสำนักกฎหมายหรือตำรวจ และได้รับคำแนะนำว่าชนะคดีแน่ๆ โดย
ไม่บอกให้รู้ว่าจะชนะคดีได้อย่างไร   โปรดระวังให้ดีอาจถูกหลอกได้ เพราะสำนักกฎหมายบางที่
ไม่มีความสามารถด้านสืบคดี   แต่จะต้องบอกว่าชนะคดีแน่ๆ จะได้เอาเงินไว้ก่อน ส่วนจะแพ้ หรือ
ชนะไปว่ากันที่หลัง
( เรื่องจริงๆ นะ )

   นักกฎหมายหรือทนายความที่เรียนจบ โรงเรียนตำรวจ โรงเรียนนักสืบ โรงเรียนกฎหมาย
จึงน่าเชื่อว่าสามารถที่จะทำงาน ทางด้านคดีให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

   ในการฟ้องคดี  จะต้องมีการสืบคดีเพื่อหาข้อมูล และพยานหลักฐานทุกครั้ง เป็นที่รู้กันดีใน
หมู่นักกฎหมายทุกคนไม่ว่าทนายความ ตำรวจ . อัยการ . ผู้พิพากษา เพราะกฎหมายบัญญัติ
หลักเอาไว้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาความผิดและกำหนดโทษ   ดังนั้นถึงแม้ตัวท่าน
ผู้พิพากษาเองจะต้องมีความรู้เรื่องการสืบพยานและพิเคราะห์ด้วยถึงพิพากษาได้ตรงตาม
เจตนารมย์ของกฎหมาย   และท่านยัมั่วเชื่ออยู่อีกหรือว่าทนายที่ว่าความเก่งไม่ต้องสืบคดี
ก็ชนะได้
( คงเป็นคดีบัตรเครดิตหรือสัญญาเงินกู้และละเมิดเท่านั้น )

   ในคดีแทบทุกคดี ต้องมีการสืบคดีทั้งนั้น   แต่การสืบคดีที่จะให้ได้หลักฐานมาประกอบการ
ฟ้อง
หรือต่อสู้คดีไม่ใช่ทำกันง่ายๆ " มีทนายความบางคนคิดว่า เรื่องสืบคดี หรือการเป็นนักสืบ
ใครๆ ก็ทำได้ไม่ยาก "   ถ้าเป็นคดีสำคัญๆ ที่มีอำนาจอิทธิพลหนุนหลังอยู่ ทนายความหรือนัก
กฎหมายที่ไม่มีความสามารถจริงไม่อาจทำคดีให้ประสบความสำเร็จได้ บางคนถึงกับถูกอุ้มหาย
สาบสูญมาแล้วก็มี  
( ทนายสมชาย ลีละไพจิต )

   ในทางกลับกันบางคดีที่ดูทางท่าว่าจะแพ้คดีแต่แรก   ในระหว่าง สืบพยานในศาล นักสืบ
อาจไปสืบได้ข้อมูลที่ชี้เป็นชี้ตายของคดี และนำมาสืบพยานในศาล เพื่อให้ศาลรับพยานหลักฐาน
เข้าไว้พิจารณาในสำนวนคดีที่ดูแล้วว่าจะแพ้ก็ชนะคดีกันมาชนะก็ยังมีให้เห็นอยู่มาก

   นักสืบจึงเปรียบเสมือน " ผู้ปิดทองหลังพระที่แท้จริง "   ก่อนที่จะต่อสู้คดีหรือฟ้องร้องขอให้
ท่านจงหันมามองเรื่องนี้เอาไว้บาง อย่าเชื่อคำทนายหรือนักกฎหมายทั้งหมด จงปรึกษานักกฎ
หมายหลายๆ คนดูก่อน   ต้องสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดีหรือไม่ เพื่อความไม่ประมาท
และถ้าต้องสืบคดีกันจริงๆ ก็ควรเข้าให้ถึงตัวผู้ที่เป็นนักสืบจริงๆ   อย่าไปฟังทนายความหรือนัก
กฎหมาย ที่ไม่มีความสามารถทางสืบคดีที่บอกว่า
" ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวจัดการให้ " ( ระวังจะโดน
ดำดินเสียเงินฟรีๆ แถมยังเสียรูปคดีอีกด้วย )

นักสืบไฮเทค

  เราเป็นนักสืบไฮเทค ที่สามารถ Online ที่ผู้ว่าจ้างสามารถเห็นข้อมูลได้ทันที   ไม่ว่าจะเป็น
รูปภาพ สถานที่  เสียงการสนทนา เมื่อท่านให้ติดตามสืบหาเอกสาร รวมถึงพฤติการณ์บุคคลที่
สำคัญๆ เพื่อจะนำมาเป็นพยาน หลักฐาน ในชั้นศาล   ท่านสามารถรับรู้ และเห็นด้วยตาได้แบบ
ทันที่ทันใดด้วยตัวเองไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใดในประเทศหรือต่างประเทศ

   ด้วยความก้างหน้าของเทคโนโลยี่ที่มีอยู่ ประกอบกับนำเอามาดัดแปลงให้เข้ากับเหตุการณ์
และสถานที่ จึงทำให้ได้พยานหลักฐานที่ยอมรับกันทั่วไปในหมู่นักกฎหมาย ตำรวจทหารและ
ทนายความ แม้แต่ศาลก็ยังยอมรับฟังพยานหลักฐานในศาล

   อุปกรณ์ที่และเทคโนโลยี่ที่นำมาใช้จะมีราคาสูงมาก บางอย่างไม่สามารถหาซื้อได้ในประเทศ
บางอย่างกฎหมายก็ห้ามนำเข้า เพราะ อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ   อุปกรณ์และ
เทคโนโลยี่ที่นำมาใช้ในการสืบสวนนี้ ต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้นำไปใช้ด้วยถึงจะเกิด ประโยชน์ และข้อ
สำคัญที่สุดต้องสามารถแสดงให้ผู้ว่าจ้างเห็นได้ทันที่ จึงจะถือว่าสุดยอดนักสืบไฮเทค

    ตัวอย่าง
    ภริยาต้องการจะรู้ว่าสามีแอบไปมีภริยาน้อยอยู่ที่ไหน    ด้วยการสืบและติดตามที่แบบไฮเทค
ภริยา ผู้ว่าจ้าง สามารถเห็นความ เคลื่อนไหวของสามีโดยผ่านระบบติดตามแบบไฮเทค โดยที่นั่ง
รออยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงานเท่านั้น

   จากตัวอย่างฟังดูเหมือนง่ายมาก    ที่จริงแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิดกัน   วิธีการสืบแบบไฮเทคนี้
ข้อมูลที่ ได้รับจะเป็นปัจจุบัน ผู้ว่าจ้าง สามารถตัดสินใจในเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ณ วินาทีนั้นได้ทันที
เหมือนกับการทำสงคราม ในอีรักของอเมริกา   เมื่ออเมริกันเห็นทหาร ของตัวเองอยู่ในที่อับหรือ
ถูกฝ่ายอัรักโจมตีจากที่สูง   โดยที่ทหาร ที่อยู่ในสนามรบยังไม่ได้วิทยุขอกำลังให้ช่วย ฝ่ายเสนาธิการ
ก็สั่งให้ ส่งเครื่องบินออกไปช่วยแล้ว   หรือสั่งให้ยิ่งจรวดแพร็ตทีลอด์ไปเคลียพี้นที่ให้ทันที ในบ้าน
เมืองเราก็มีเทคโนโลยี่แบบนี้   แต่เป็น ความลับของทางราชการ ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ จะรู้กันแต่
ในหมู่ฝ่ายสืบสวน หรือฝ่ายปฏิบัติการพิเศษชั้นสูงเท่านั้น

   อีกตัวอย่าง ( อุทธาหรณ์ ผู้ที่อยากเป็นนักการเมือง)

      เมื่อครั้งเลือกตั้งที่ผ่านมา ในอำเภอต่างจังหวัดเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า มีการทุ่มกันซื้อเสียงกันมาก เรา
เสนอให้ นำเทคโนโลยี่นี้ให้กับผู้สมัครท่านหนึ่ง โดยนำเสนอว่า   ท่านไม่ต้องเอาเงินไปหาซื้อเสียงให้
ผิดกฎหมายแต่ อย่างใดเลย     เพียงแต่ท่านหาเสียงให้ถูกต้องตาม ที่กฎหมายกำหนดก็พอแล้ว    และ
ท่านให้เราไปดำเนิน การสืบหาข้อมูลการซื้อเสียงของอีกฝ่าย และท่านก็นำข้อมูลที่เห็นและบันทึกแล้ว
เสนอกับ กก.ต ในทันที่ทันใด   เพียงเท่านี้ผู้สมัครฝ่ายนั้นก็ต้องถูกใบเหลืองหรือใบแดงทันที่ โดยที่
ไม่ต้อง รอให้ประกาศผลการเลือกตั้ง แต่ท่านผู้นั้นกับบอกว่า กก.ต ไม่เป็นกลางจริง ให้มีข้อมูลแบบ
เห็นจะๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรได   ผู้สมัครท่านนั้นไม่สนใจ ที่เรานำเสนอ และก็พยายามทุ่มเทหาทาง
ซื้อเสียงแข่งกับผู้สมัครฝ่ายตรงข้าม   ผลออกมาก็สอบตก แถมเสียเงิน ไปถึงแปดหลัก กลางๆ พอสอบ
ตกก็โทร มาหาขอให้เรานำเทคโนโลยี่ไปช่วยในการสมัครครั้งหน้า " สมน้ำหน้านักการเมืองที่คิดว่า
มีเงินแล้วจะซื้อ อะไรได้ทุกอย่าง " นักการเมือง พวกนี้เราไม่คบหาด้วย ( หยิ่งแล้วยังดูถูกคนอื่นอีก )

     เหตุที่ผู้สมัครท่านนั้นไม่เชื่อ เพราะว่า ตัวเองอวดเก่งอวดดีถือว่าร่ำรวยมีเงินเกือบร้อย อวดรู้
กฎหมายการเลือกตั้งดี ไม่สนใจนักสืบ นักกฎหมายมืออาชีพที่สามารถจะช่วยทำให้การเลือกตั้งบริสุทธ
ิได้   นี่ละที่เป็นบทเรียน สอนพวกที่อยากจะเป็นนักการเมือง และคิดว่า จะเอาเงินทุ่มซื้อเสียงเท่านั้น
มองข้ามสิ่งเล็กๆ ที่เป็นประโยชน์มหาศาล    เราเชื่อมั่นในกระบวนการของกฎหมายว่ายุติธรรมมาก
ที่สุด ถ้ารู้วิธีและนำไปใช้ ้ให้ถูกต้อง เช่นตัวอย่างนี้   ถ้าเห็นว่ามีการซื้อเสียงกันจริง และ กก.ต ไม่ชี้ว่า
ผิดกฎหมาย ๆ ก็เปิดโอกาส ให้ฟ้องต่อ ศาลได้ และยังนำหลักฐานที่ได้ไปให้สือมวลชนดู ทั้ง กก.ต ก็อาจ
หลุดจากตำแหน่ง และผู้สมัครที่ซื้อเสียงก็ถูกใบแดง หรือศาลฏีกาอาจให้ มีการเลือกตั้งใหม่ได้ เหมือน
กับเรื่องที่เกิดขึ้นในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ ITV ไปถ่ายการซื้อเสียงแบบจะๆ ก็ถูกใบแดงไปแล้ว
( สมน้ำหน้าแล้วมีเงินแต่ไม่รู้จักใช้ให้ เป็นประโยชน์กับตัวเอง อยากเป็นนักการเมือง แต่ไร้สมอง
และความสามารถในการแสดงความสุจริตใจ )

คำเตือน

    ข้อดีข้อเสียของการจ้างนักสืบ หรือทนายความหรือนักกฎหมายที่มีความสามารถด้านสืบ

  • ข้อดี       ท่านสามารถรู้ได้ว่าคดีที่ดำเนินการมีการแพ้ชนะได้อย่างไร
                  ผู้ไปสืบจะเป็นพยานยื่นยันพยานหลักฐานได้
  • ข้อเสีย    ท่าน ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือค่าจ้างที่สูงกว่าปกติทั่วไป

      ดังนั้นถ้าท่านไม่แน่ใจว่าจะมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องคดี หรือต่อสู้คดี ท่านควรจะ
ปรึกษา ผู้ที่เป็นนักสืบและนักกฎหมาย ในบุคคลๆเดียวกันจะดีที่สุด

   มาดูตัวอย่างหลายท่านที่จ้างนักสืบแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะเหตุใด >>>>

   ที่ประสบความสำเร็จเขาทำกันอย่างและมีวิธีการอย่างไร

     พยานหลักฐานที่ดีที่สุดควรเป็นพยานหลักฐานที่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้า ( ถาม
 อาจารย์สอนกฎหมายหรืออัยการผู้พิพากษดูก็ได้ )

 
 
เมนต์หลัก

 
 

 

ขณะนี้มีคน online อยู่ 37 ท่าน