หัวซ้าย
นกน้อยทำรังแต่พอตัว   ไม่อยากจนจงอย่าเป็นหนี้  ( อย่าคิดมีบัตรเครดิต ถ้ายังไม่พร้อม  จะเจอดอกเบี้ยมหาโหด )
กลับหน้าแรก   ขอคำปรึกษาเป็นการส่วนตัว โดยตรงกับนักกฏหมาย
เมนต์หลัก
หัวซ้าย
นกน้อยทำรังแต่พอตัว   ไม่อยากจนจงอย่าเป็นหนี้  ( อย่าคิดมีบัตรเครดิต ถ้ายังไม่พร้อม  จะเจอดอกเบี้ยมหาโหด )
Language
สมาชิก VIP Login ที่นี่ค่ะ
User login
user
pwd

เพิ่มเพื่อน
รับข่าวสาร
มาเป็นเพื่อนเรามีแต่ได้

วิทยุปลดหนี้

maps.google.com
 
พันธมิตร & ผู้สนับสนุน

อุปกรณ์นักสืบ
(ขาย-ให้เช่า)
เจ้ากรรมนายเวร
เจ้ากรรมนายเวร
เวรกรรมแก้ไม่ได้
แต่หยุดเวรกรรมได้
คน10จำพวกคบไม่ได้
ID: 0863222544
 
Welcome To  S Detective & lawyer Online
เปิดเผยความจริง  เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
     
 

พบกับมิติใหม่ที่จะเอาเจ้าหนี้
ทนายเจ้าหนี้  ผู้รับมอบอำนาจให้ทวงหนี้  เข้าคุกบ้าง ลูกหนี้อาจไม่ต้องจ่ายหนี้

   สมาชิกหลายท่านที่เป็นหนี้บัตรเครดิตขอร้องมา   ขอให้ช่วยหาวิธีลงโทษพวกทนายเจ้าหนี้
หรือพวกที่โทรศัพท์มาทวงหนี้ที่ทำงาน หรือส่งหนังสือ หรือ ไปรษณียบัตรมาทวงหนี้ และให้คำ
พูดที่ไม่สุภาพแถมยังดูถูกลูกหนี้อีกด้วยว่าไม่มีปัญญาใช้หนี้
( ทั้งๆ ที่สมาชิกทุกคน ขอผ่อนชำระ
หนี้น้อยหน่อย )

   Webmaster ได้ยินได้ฟังและประสพมากับตัวเองในการเจรจาหนี้ให้สมาชิกหลายท่านแล้ว
เห็นว่าเป็นความจริง   พวกนี้มักจะเห็นลูกหนี้เหมือนสุกร เหมือสุนัขไปหมดนึกจะพูดอะไรก็พูด
ไม่สนใจว่ากว่าที่ลูกหนี้จะหาเงินมาใช้หนี้นั้น  ลูกหนี้จะหาเงินมาด้วยความเหนื่อยยากเพียงใด

   ขณะนี้พวกรับจ้างทวงหนี้ทวแบบผิดกฎหมายผิดขั้นตอน เช่นโทรไปหาผู้ใหญ่บ้าน อบต. กำนัน
พ่อแม่ , เพื่อนบ้าน , เจ้าของบริษัทของลูหนี้ และฝากข้อความว่า "ให้ลูกหนี้รีบเอาเงินมาชำระนี้
ภายใน ๓ วัน มิฉะนั้นจะเอาตำรวจไปจับ หรือให้เอาสินค้ามาคืน หรือฟ้องคดี หรือให้ถูกไล่ออก
จากงาน     ในเมื่อพวกนี้กล้าที่ะก่อกวนให้ลูกหนี้ทุกข์ใจและได้รับความเดือดร้อง ลูกหนี้ก็ควร
ป้อกันตัวและเอาพวกนี้เข้าคุกบ้าง

   แต่นี้ต่อไปถ้าสมาชิกท่านใด ที่มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับสมาชิกท่านอื่นๆ เชิญมารู้วิธีที่จะเอา
กฎหมายลงโทษพวกนี้ให้เข็ดหลาบบ้าง และถ้าสมาชิก ตั้งใจ ที่จะ สู้จริงโดยไม่ยอมพวกมัน สมาชิก
ก็อาจได้เงินค่าชดใช้ฐานทำละเมิดอีกด้วย หรืออาจจะหักกลบลบหนี้กันไปเลยก็ได้ เราจะติดอาวุธ
ให้กับลูกหนี้ในอีกรูป แบบหนึ่ง ซึ่งขอใช้คำว่า
“ ลูกหนี้ตีหัวเจ้าหนี้ “

มาดูกันว่าจะมีวิธีตีหัวพวกนี้ได้อย่างไร

    ข้อที่ ๑ . ด้วยมูลแห่งหนี้   เจ้าหนี้อาจจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได  และลูกหนี้ก็สามารถปฏิเสธ
มูลหนี้นั้นได้    ถ้ามูลหนี้ที่เจ้าหนี้เรียกร้องให้ชำระ นั้นเป็น มูลหนี้ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม
ประมวลกฎหมายแพ่ง    เรื่องนี้ได้อธิบายไว้แล้วขอให้สมาชิกค้นหาให้ทั่วๆ จะไม่กล่าวซ้ำอีก

   ในที่นี้จะกล่าวถึงการทวงหนี้ของเจ้าหนี้   ทนายของเจ้าหนี้  หรือพวกทวงหนี้ที่เป็นตัวแทนของ
เจ้าหนี้
   ซึ่งสมาชิกหลายร้อยคนที่โดนทวงหนี้ จากบุคคล เหล่านี้ เหล่าให้ฟัง เช่น ส่งจดหมาย
มาขู่ว่าถ้าไม่ชำระหนี้ก็จะฟ้องบ้าง  อนุมัติฟ้องบ้าง  ฟ้องคดีแล้วบ้าง   ในหนังสือทวงหนี้ยังระบุอีก
ว่า จะดำเนินคดีอาญา ยึดทรัพย์ อายัตเงินเดือน และอื่นๆ อีกต่างๆ นาๆ ที่พวกนี้จะเขียนมาขู่

ซึ่งก็ทำได้ตามกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องจริงในขบวน การของกฎหมาย

   แต่พวกนี้มักจะไม่ส่งหนังสือมาทวงนี้เท่านั้น   จะส่งไปรษณียบัตรแจ้งเรื่องหนี้สินต่างๆ ไปให้
ลูกหนี้   ณ  ที่ทำงาน  บ้างครั้งก็โทรศัพท์ไปหาลูกหนี้ ที่ ทำงาน และพูดจาทวงหนี้ก็ลูกหนี้
(แบบ
สุนัขไม่รับประทาน)
  ใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามต่างๆนาๆ   บางครั้งถ้าลูกหนี้ไม่รับโทรศัพท์
พวกนี้ก็มักจะฝากบอกกับ ผู้รับโทรศัพท์ว่า ให้ติดต่อสำนักงานกฎหมายด้วย
.. เป็นหนี้เท่านั้น
เท่านี้ทวงมาหลายครั้งแล้วไม่ยอมใช้หนี้ หลบไปหลบมา ฯลฯ
  ถ้าไม่ติดต่อกลับคราวนี้จะฟ้อง
ยึดทรัพย์แน่นอนยึดเงินเดือนด้วย  ที่ร้ายกว่านี้พวกนี้จะส่งตัวแทนไปพบลูกหนี้ที่บ้านหรือที่
ทำงาน   ถ้าไม่พบตัวลูกหนี้ก็มักจะฝากบอก กับบุคคลที่บ้าน หรือที่ทำงานนั้นในลักษณะเดียวกับ
ที่ใช้ทางโทรศัพท์
  สิ่งเหล่านี้ผู้เป็นลูกหนี้ ทุกคนคงได้เจอกันมาแล้วไม่มากก็น้อย  แต่ส่วนใหญ่
จะเจอ มากกว่านี้  แท้ที่จริงแล้วการทวงหนี้ของพวกนี้จะต้องมีขั้นตอนที่ต้อง ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม
กฎหมายเสียก่อนถึงจะสามารถส่งตัวแทนไปทวงหนี้ได้ตาม กฎหมาย

  ยังมีตัวอย่าง พวกสำนักกฎหมายที่ชอบทวงหนี้แบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายอีก  ลองฟังดู >>>

ต่อไปนี้จะเป็นการให้สมาชิก
และลูกหนี้รู้ขั้นตอน ที่แท้จริง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

   ถ้าทนายความของเจ้าหนี้ หรือตัวแทนของเจ้าหนี้ไม่ทำในขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดก็จะไม่มี
อำนาจที่จะมาทวงหนี้กับลูกหนี้ได้ และเมื่อไม่มีอำนาจแล้ว สิ่งใดๆ ที่ผู้ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนหรือ
ผู้รับมอบอำนาจของ เจ้าหนี้ได้กระทำไปแล้ว
  ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(ผิดกฎหมาย)    ลูกหนี้ก็ สามารถ ปฏิเสธการทวงหนี้นั้นได้    สิ่งที่ว่านั้นคือ “อำนาจทวงหนี้”
แต่ก่อนที่จะรู้ว่าพวกนี้จะมีอำนาจทวงหนี้หรือไม่อย่างไร   ขอให้มาดูขั้นตอนที่ ต้องปฏิบัติตาม
กฎหมายของเจ้าหนี้ในการทวงหนี้ก่อน
จึงจะรู้ว่าพวกนี้มีอำนาจทวงหนี้ได้หรือไม่   และถ้าไม่มี
อำนาจแล้วจะทำอย่างไรหรือโต้ตอบ พวกนี้ได้อย่างไร
  ซึ่งอาจถึงขนาดเอาพวกนี้เข้าคุกได้และ
เรียกร้องให้จ่ายค่าเสียหายเป็นเงินได้ด้วย

    เริ่มแรกเมื่อเจ้าหนี้ทวงหนี้ลูกหนี้ไม่ได้ เจ้าหนี้ต้องฟ้องกับศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษา
ให้ลูกหนี้ชำระตามมูลหนี้ที่ได้ยื่นฟ้องต่อศาล
(จะเป็นมูลหนี้จริงหรือ ไม่จริง หรือจริงบางส่วน
หรือไม่จริงบางส่วน ก็ฟ้องได้ตามกฎหมาย)    แต่ก่อนที่จะฟ้องคดีต่อศาล เจ้าหนี้ต้องติดต่อ
ว่าจ้างทนายความเสียก่อน เพื่อให้ว่าความ ตามกฎหมาย
( ตัวเองว่าความไม่เป็น )    ในการว่า
จ้างทนายความนั้น ตัวเจ้าหนี้ต้องลงชื่อแต่งตั้งทนายความให้มีอำนาจว่าความได้ ซึ่งเรียกตาม
ภาษากฎหมายว่าเซ็นใบแต่งตั้งทนายความ " ใบแต่งตั้งทนายความนั้น จะต้องเป็นแบบฟอร์ม
ของ ศาลเท่านั้น "

   เมื่อทนายได้รับ อำนาจให้ว่าความได้แล้ว    ทนายความผู้นั้น ก็จะส่งหนังสือให้แจ้งมายังลูกหนี้
ให้รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้กับเจ้าหนี้เท่านั้นเท่านี้ และให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดถ้าพ้นกำ
หนดแล้วถ้าไม่ชำระก็ถือว่าเป็นการ บอกเลิกสัญญา
( เงินกู้ ,บัตรเครดิต , เช่าซื้อ ฯลฯ ) และเมื่อ
ถึงกำหนดตามหนังสือนั้นแล้ว ลูกหนี้ไม่ชำระก็ถือว่าลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้แล้วเจ้าหนี้หรือทนาย
ของเจ้าหนี้ต้องฟ้องลูกนี้ภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเรื่องอายุความ นับแต่วันที่ลูกหนี้
ปฏิเสธการชำระหนี้
    ถ้าไม่ฟ้องภายในกำหนดอายุความก็ถือว่าเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ ที่จะฟ้องเรียก
เงินตามมูลหนี้จากลูกหนี้ได้อีก เรียกง่ายๆว่า
( ลูกหนี้ เป็นไทไม่ต้องใช้หนี้เลย )

    ในการแต่งตั้ง ทนายความหรือบุคคลอื่นให้มีอำนาจทวงหนี้ ก่อนฟ้องคดีนั้น ตัวเจ้าหนี้ต้องทำ
หนังสือมอบอำนาจ หรือแต่งตั้ง ทนายความเป็นลายลักษณ์อักษร ลงวันที่มอบอำนาจให้ถูกต้องถึง
จะมีผลให้ผู้รับมอบอำนาจ มีอำนาจที่จะทำการใดๆ แทนตัวเจ้าหนี้ได้

เพียงเท่านี้สมาชิกและลูกหนี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าหนี้ต้องทำตามแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรเลย   สมาชิกและลูกหนี้ที่คิดว่าไม่เป็นเรื่องแปลก ขอให้คิดใหม่ได้
แล้ว เพราะว่าความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือน
" เส้นผมบังภูเขา " ทำให้เจ้าหนี้เอาเปรียบลูกหนี้ได้
และลูกหนี้ก็ไม่รู้จะต่อสู้อย่างไร  ผมเป็นนักกฎหมายจึงต้องมองให้ลึกซึ้งถึงตัวกฎหมายเจตนารมณ์
ที่แท้ของกฎหมาย วามถูกต้องที่กฎหมายกำหนด

   ซึ่งต่อไปนี้เรา จะเอา " เส้นผม " บังตาสมาชิก หรือลูกหนี้ออกให้ดูจะได้เห็นว่าข้อเท็จจริงที่สมาชิก
หรือ ลูกหนี้ไม่รู้มาก่อนว่ามีจริง และทำได้ตามกฎหมาย  ซึ่งถ้าไม่รู้จริงในเรื่องที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้
ก็เท่ากับว่าสมาชิกหรือลูกหนี้อาจถูกเจ้าหนี้ หรือทนาย หรือผู้ที่อ้างมาทวงหนี้ของเจ้าหนี้หลอกเอาได้
และถ้าสมาชิกหรือลูกหนี้สงสัยว่าถูกหลอกหรือถูกหลอกแล้ว และไม่ดำเนินการใดๆ นิ่งเฉยเสีย
ตามกฎหมายถือว่าลูกหนี้ยอมรับแล้ว โดยปริยาย จะยกขึ้นอ้างในชั้นศาลไม่ได้
( นี้ละครับที่ทนาย
เจ้าหนี้ใช้เทคนิคของกฎหมายเอาชนะลูกหนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ฟ้องคดีเลย )

   ขอให้สมาชิกหรือลูกหนี้กลับไปดูในข้อที่ ๑ ที่กล่าวถึงเรื่องถูกทนายเจ้าหนี้  ตัวแทนเจ้าหนี้ยื่น
หนังสือทวงหนี้ หรือโทรมาขู่ที่ทำงาน หรือส่งไปรษณียบัตร มาทวงหนี้  เมื่อย้อนกลับไปดูแล้วท่าน
ควรจะสงสัยว่า
  ทนายความที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้นั้นมีอำนาจทวงหนี้จริงหรือไม่ เพราะในหนังสือ
ที่ส่งมานั้น ระบุแต่เพียงว่าผู้รับมอบอำนาจหรือในฐานะผู้รับมอบอำนาจ  แต่ไม่ได้ส่งสำเนามาแสดง
ให้ดีเลยว่า ได้ทำการมอบอำนาจในวันที่เท่าใด  ใครเป็นผู้มอบ  ใครเป็นผู้รับมอบ และ หนังสือ
มอบ อำนาจนั้นระบุว่าให้ผู้รับมอบอำนาจมีขอบเขตจัดการแทนในเรื่องใดบ้าง

   ในเมื่อมีแต่หนังสือทวงหนี้ดังกล่าวแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ เลย  สมาชิก
หรือลูกหนี้ยังเชื่ออยู่หรือว่า มีการมอบอำนาจกันโดยถูกต้อง ตามกฎหมายแล้ว ทั้งๆที่ตัวเจ้าหนี้เอง
ก็ยังไม่เคยมีจดหมายมาแจ้งแก่ตัวลูกหนี้เลยว่าได้แต่งตั้งให้ใครเป็นทนายความ หรือให้เป็นผู้ใด
มีอำนาจทวงหนี้หรือฟ้องคดี หรือมีอำนาจจัดการในเรื่องใดๆ บ้างเลย

   เรื่องนี้เป็นข้อสำคัญทางกฎหมายที่สมาชิกและลูกหนี้ควรรู้  ถ้าไม่รู้ก็จะถูกพวกนี้อ้างว่าเป็นตัวแทน
เจ้าหนี้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจช่วงจากเจ้าหนี้ หรือบริษัท บัตรเครดิตแล้วมาทำการข่มขู่ต่างๆนาๆ
ผมเอาเส้นผมที่บังตาของสมาชิกและลูกหนี้ออกแล้ว ก็พอที่จะมองเห็นภูเขาได้หรือยัง

   เมื่อสมาชิกที่สงสัยว่าผู้ที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้นั้นจะมีอำนาจจริงหรือไม่ ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องทำให้
เป็นพยานหลักฐานตามกฎหมาย ที่จะต้องจับผิดพวก ทนายความ หรือพวกที่ทวงหนี้ที่อ้างว่าเป็นตัว
แทน รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้   ซึ่งมีวิธีอยู่หลายวิธีแต่ละวิธีจะขั้นตอนแตกต่าง กันออกไป

วิธีที่ ๑  ส่งหนังสือตอบกลับไปยังผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจบริษัทบัตรเครดิตหรือเจ้าหนี้เพื่อให้ส่ง
เอกสารยืนยันว่าได้รับมอบอำนาจให้ ทวงหนี้จริง และส่งหนังสืออีกฉบับหนึ่งไปยังบริษัท หรือเจ้าหนี้
ให้ยืนยันว่าได้มอบอำนาจให้ใครเป็นตัวแทนทวงหนี้และฟ้องคดีบ้าง

วิธีที่ ๒ เป็นขั้นตอนที่สูงขึ้นไปอีกกว่าวิธีแรก  เพื่อที่จะจับผิดเจ้าหนี้หรือทนายความที่อ้างว่าได้รับ
มอบอำนาจตามหนังสือทวงหนี้นั้น ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้ ลูกหนี้เองได้เปรียบในทางกฎหมายและใน
เชิงคดี

วิธีที่ ๓ ก็เป็นขั้นตอนที่สูงขึ้นไปอีกกว่าสองวิธีแรก  ซึ่งถึงขั้นสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่อ้างว่าเป็นทนาย
ความเป็นผู้รับมอบอำนาจส่งหนังสือมา ทวงหนี้ หรือผู้ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนเจ้าหนี้หรืทนายความของ
เจ้าหนี้ มาทำการข่มขู่ต่างๆ นาๆ ให้ได้รับความอับอายและตัวลูกหนี้เอง สามารถเรียกร้องค่าเสียหาย
เป็นเงินจากบุคคลเหล่าหนี้ได้ หรือดำเนินคดีอาญาให้ศาลจำคุกพวกนี้ได้เช่นกันหรือถ้าหากเป็น
กรณี ที่เจ้าหนี้รู้เห็นเป็นใจในการที่ตัวแทน หรือทนายความ ทำเกินอำนาจ โดยชัดแจ้งหรือโดยปริ
ยายด้วย  ลูกหนี้ก็เรียกร้องให้เจ้าหนี้ชดใช้ค่าเสียหาย ได้อีกเช่นกัน ( บางครั้งอาจถึงขนาด ที่เจ้าหนี้
ต้องยอมความกับลูกหนี้ หรือยกหนี้ให้ ทั้งหมดหรือบ้างส่วนฟรีๆ )
... ในที่นี้จะกล่าว เฉพาะแต่วิธีแรก
เท่านั้นส่วนวิธีที่ ๒ , ๓ ขอสงวนไว้สำหรับ สมาชิก VIP ที่ขอรับข้อมูล

วิธีที่ ๑
     เมื่อมีข้อสงสัยว่า ผู้ที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้นั้น มีอำนาจจริงหรือได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ จริงหรือไม่ให้ดำเนินการดังนี้
. ส่งหนังสือตอบกลับไปยัง ทนายความ หรือสำนักงานกฎหมายที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้ แจ้งว่า
   ๑ . ๑ ท่านไม่เชื่อว่าผู้ที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้ เป็นผู้รับมอบอำนาจที่แท้จริงจากเจ้าหนี้ มูลหนี้ที่
ระบุมานั้นไม่ใช้มูลหนี้ที่แท้จริงและถูกต้องตามกฎหมาย
   ๑ . ๒ ให้ผู้ที่อ้างดังกล่าวแสดงความบริสุทธิ์ โดยส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจ หรือใบแต่ตั้ง
ทนายความ เอกสารเกี่ยวกับมูลหนี้ทั้งหมดที่อ้างมาในหนังสือดังกล่าว พร้อมทั้งยอดต้นเงิน
ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ สัญญาที่ผูกพันก่อให้เกิดการอนุมัติเงินพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
   ๑ . ๓ และให้ส่งเอกสารกลับมาภายใน ๗ , ๑๕ วัน นับแต่วันที่รับหนังสือฉบับนี้ มิฉะนั้น
จะถือว่าแอบอ้างเป็นเจ้าหนี้ ปลอมแปลงเอกสาร มีเจตนากระทำการอันไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย
และจะดำเนินการทางคดีกับผู้ที่แอบอ้าง ทางอาญา ทางแพ่ง ร้องเรียนสภาทนายความ เพื่อขอ
ให้เพิกถอนตั๋วว่าความ ซึ่งจะต้องถูกจำคุก ถูกยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์
... เพิกถอนตั๋วว่าความ
   ๑ . ๔ ในการทำหนังสือ ขอให้สมาชิกหรือลูกหนี้ ทำสำเนาเก็บไว้ ๑ ชุด และส่งทางไปรษณีย์
ลงทะเบียนตอบรับ เพื่อเป็นหลักฐานในการฟ้องคดีด้วย

  เหตุผลง่ายๆ  เมื่อเจ้าหนี้มอบอำนาจให้ทนายความฟ้องคดี  ทนายความผู้รับมอบอำนาจต้องขอ
รับเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับตัวลูกหนี้มา พร้อมกันเพื่อที่จะได้เตรียมร่างฟ้องลูกหนี้หลังจากที่เลย
กำหนดเวลาในหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้   ถ้าทนายความผู้รับมอบอำนาจไม่ยอมแสดงเอกสาร
ตามที่ท่านแจ้งขอไปก็ให้สันนิฐานเอาไว้ก่อนว่า ทนายความที่อ้างว่ารับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้
ยังไม่มีการมอบอำนาจกันจริง จึงทำให้ไม่มีอำนาจส่งหนังสือมาทวงหนี้  เมื่อไม่มีอำนาจทวงหนี้ก็
ไม่มีอำนาจ ที่มาข่มขู่ให้ใช้หนี้  แม้การข่มขู่นั้นทนายความผู้นั้นจะอ้างว่า เจ้าหนี้ได้มอบอำนาจ
ให้โดยปริยาย ก็สามาถรทำได้ตามกฎหมายก็ตาม ( เสียงโต้ตอบพวกรับจ้างทวงหนี้ ) >>>

   แต่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชน์ มาตรา ๘๐๑ ( ๔ ) (๕ ) ระบุไว้ชัดว่า " ถ้าตัวแทน
ได้รับมอบอำนาจทั่วไป ท่านว่าจะทำกิจใดๆ ในทางจัดการแทน ตัวการก็ย่อมทำได้ทุกอย่าง
แต่การเช่นอย่างจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านว่าหาอาจจะทำได้ไม่ คือ ( ๔ ) ประนีประนอมยอมความ
( ๕ ) ยื่นฟ้องต่อศาล "
หมายความว่า ในการทวงหนี้และมีข้อเสนอใหม่ให้ลูกหนี้ ( ประนีประ
นอมยอมความ )
ต้องทำเป็นหนังสือมอบอำนาจเท่านั้น จะอ้างว่าเป็นการมอบอำนาจทั่วไป ไม่ได้

   ดังนั้น เมื่อผู้ที่อ้างไปทนายความผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ .. ไม่สามารถที่แสดงเอกสารตาม
ที่ท่านมีหนังสือแจ้งไป  ท่านสามารถดำเนินคดีอาญาได้ทันที่ และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งฐาน
ละเมิด
( ขึ้นอยู่ว่าท่านเสียหายมากน้อยเพรียงใด )

   นี้เป็นเพียงข้อกฎหมายส่วนหนึ่งที่ยกขึ้นมาให้ท่านสมาชิกและลูกหนี้ได้เห็นข้อเท็จจริง
ที่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ป้องกันตัวเองได้ที่บอกมาเท่านี้ ท่านก็ดำเนินการกับผู้ที่ส่ง
หนังสือมาทวงหนี้ และโทรมาข่มขู่ให้ใช้หนี้ได้แล้ว
... ยังมีข้อกฎหมาย และเทคนิคกฎหมายอื่นๆ
อีกมาก
  ต้องไปดูในวิธีที่ ๒ หรือวิธีที่ ๓ ถึงจะมีรายละเอียดมากกว่านี้( ของฟรีก็มีเท่านี้ครับ )

   วิธีที่ ๒ , ๓ จะมีรายละเอียดเกี่ยกับ มาตรากฎหมาย คำพิพากษาฎีกา ที่สามารถเทียบเคียง
กับข้อเท็จจริงได้   วิธีที่จะดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง พร้อมทั้งชั้นเชิงต่างๆ ที่จะต่อรองกับพวกนี้
เพราะเมื่อไม่มีอำนาจทวงหนี้ ก็เท่ากับว่า ท่านสมาชิกเป็นต่อในเชิงกฎหมายแล้ว  คราวนี้ท่าน
สามารถขู่กลับไปได้บ้าง Webmaster ขอสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับสมาชิก VIP และสมาชิกที่จะขอรับ
ข้อมูลพิเศษนี้เท่านั้น

   คำเตือน
  ๑ . ใช้เมื่อยามจำเป็นจริงๆ
  ๒ . ก่อนใช้ต้องปรึกษานักกฎหมายหรือทนายความด้วยจะดีมาก
  เพราะจะต้องมีขั้นตอนที่ต้อง
       ร่างหนังสือแจ้งตอบกลับ  ที่ผมเขียนไว้เป็นเพียงหลักการและแนวทางที่กฎหมายกำหนด
       ให้ลูกหนี้สามารถทำได้  แต่ถ้าท่านมีความรู้เรื่องร่างหนังสือให้สัมพันธ์กับข้อกฎหมายก็
       สามารถ ทำได้เลย
๓ . ให้เตรียมตัวเอาไว้ด้วย เพราะเมื่อแน่ใจแล้วว่า พวกที่ทวงหนี้ไม่ได้รับมอบอำนาจตาม
      กฎหมาย ท่านต้องไปแจ้งความกับตำรวจ หรือว่าจ้างทนายความให้ฟ้องคดี

   สิ่งที่ผมทำให้นี้ ขอให้ท่านสมาชิกตั้งใจทำและสู้ให้เต็มที่เพราะทางเดียวที่จะทำให้ ลูกหนี้กลับ
มาเป็นต่อเจ้าหนี้ ทนายความเจ้าหนี้ ฝ่ายติดตามหนี้สินของเจ้าหนี้ใช้เชิงกฎหมาย และมีอำนาจ
ที่จะต่อรองเรื่องหนี้สินได้   
( อย่าทำแบบกลัวๆ กล้าๆ จะเสียที่ฝ่ายตรงข้าม ) ถ้าไม่กล้าจริงก็นอน
วันที่เจ้าหนี้มายึดทรัพย์ที่บ้าน อายัดเงินเดือนที่ทำงาน


โนติส

   ถึงวันนี้( ๑๒ เม.ย.๕๐) ๖ ปีมีสมาชิกหลายท่านอ่านแล้วเอาไปดำเนินการเองโดยไม่ปรึกษา
ทนายหรือนักกฎหมาย   หนังสือที่ส่งไปถึงบริษัทเจ้าหนี้และ สนง.กฎหมายส่วนใหญ่จะเป็นการ
ขอร้องหรือขอความเห็นใจมากกว่าที่จะเป็นการบอกกล่าวตามกฎหมาย(โนติส)    จึงทำให้พวก
เจ้าหนี้ไม่กลัว แถมยังโทรกลับมาด่าลูกหนี้อีก
      หากท่านที่ไม่รู้กฎหมายจริงๆ หรือไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะหยุดพวกทวงหนี้ไม่ให้มาก่อกวน
ที่บ้านและที่ทำงาน  ขอให้ปรึกษาหรือใช้บริการของสำนักงานกฎหมายหรือทนายความจะดีกว่า
(เราเืห็นบ่อยมากเรื่อง " เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย")
      การยื่นหนังสือบอกกล่าว(โนติส) เป็นการบอกกว่างให้ฝ่ายเจ้าหนี้รู้ว่า " เจ้าหนี้หรือพวกทวง
หนี้มีหน้าที่ต้องทำอะไร , สิ่งที่ทำนั้นมีผลอย่างไร , ลูกหนี้เสียหายหรือกระทบสิธิลูกหนี้อย่างไร
เจ้าหนี้ต้องทำอย่างไร , ถ้าไม่ทำจะมีผลอย่างไร " ไม่ใ่ช่เขียนไปขอร้องเจ้าหนี้ี้ว่า"อย่าทวงหนี้เลย
หรือจะขอชำระหนี้ทั้งหมดเดือนละ ๕๐๐ หรือได้รับความเดือดร้อง หรือไม่สบาย หรือขอร้องอย่า
โทรมาเลย หรืออย่าโทรไปบอกคนอื่นว่าเป็นหนี้ และขอร้องวิธีอื่นๆ"
 
 ซึ่งไม่ใช่เป็นการยื่นโนติส
ตามกฎหมายเพื่อให้พวกเจ้าหนี้กลัวจะติดคุก

จะทำอะไรขอให้ปรึกษาผู้รู้กฎหมายหรือทนายความปลอดภัยที่สุด
ยินดีให้คำปรึกษากับทุกคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เขียนข้อความได้ที่นี่ >>

 
 
 

ขณะนี้มีคน online อยู่ 61 ท่าน